Singular Nouns & Plural Nouns เข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างและ Irregular Nouns ที่ต้องรู้
Singular Nouns & Plural Nouns เข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างและ Irregular Nouns ที่ต้องรู้
Singular Nouns & Plural Nouns เข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างและ Irregular Nouns ที่ต้องรู้
หลายๆ ครั้งที่เราพูดถึงคำนาม (Nouns) ในภาษาอังกฤษ เราจะเจอคำถามว่า “อันนี้คือสิ่งเดียวหรือหลายสิ่ง?” เพราะคำนามในภาษาอังกฤษจะแบ่งออกเป็น Singular Nouns (คำนามเอกพจน์) และ Plural Nouns (คำนามพหูพจน์) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้เราสื่อสารได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมชาติ
วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่อง Singular และ Plural Nouns แบบเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่าง และเคล็ดลับสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึง Irregular Nouns (คำนามที่เปลี่ยนรูปในพหูพจน์) ที่ควรต้องจำกันค่ะ
1. Singular Nouns คืออะไร?
Singular Nouns คือคำนามที่ใช้พูดถึงสิ่งของ บุคคล หรือสถานที่ที่มีจำนวน “หนึ่งเดียว”
ตัวอย่าง:
- A cat (แมว 1 ตัว)
- A book (หนังสือ 1 เล่ม)
- A child (เด็ก 1 คน)
เคล็ดลับ:
ส่วนใหญ่ Singular Nouns จะมีคำว่า a หรือ an นำหน้า เพื่อบอกว่าเป็นสิ่งเดียว เช่น a dog, an apple
——————————————–
2. Plural Nouns คืออะไร?
Plural Nouns คือคำนามที่ใช้พูดถึงสิ่งของ บุคคล หรือสถานที่ที่มีจำนวน “มากกว่าหนึ่ง” หรือ “หลายๆ อย่าง”
ตัวอย่าง:
- Cats (แมวหลายตัว)
- Books (หนังสือหลายเล่ม)
- Children (เด็กหลายคน)
การเปลี่ยน Singular เป็น Plural
การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์มีกฎง่ายๆ ดังนี้:
1. เติม -s
ใช้กับคำนามส่วนใหญ่
- A dog → Dogs
- A car → Cars
2. เติม -es
ใช้กับคำนามที่ลงท้ายด้วย -s, -ss, -sh, -ch, -x, -z
- A bus → Buses
- A box → Boxes
3. เปลี่ยน -y เป็น -ies
ใช้กับคำนามที่ลงท้ายด้วย -y และหน้าตัว -y เป็นพยัญชนะ
- A baby → Babies
- A lady → Ladies
ข้อยกเว้น: ถ้าหน้า -y เป็นสระ (a, e, i, o, u) ให้เติม -s ปกติ
- A boy → Boys
- A key → Keys
4. เติม -ves แทน -f หรือ -fe
ใช้กับคำนามที่ลงท้ายด้วย -f หรือ -fe
- A wolf → Wolves
- A knife → Knives
ข้อยกเว้น: บางคำเติมแค่ -s เช่น roofs หรือ chiefs
5. Irregular Nouns (คำนามที่เปลี่ยนรูป)
คำนามบางคำไม่มีกฎตายตัว ต้องจดจำเป็นพิเศษ (รายละเอียดในหัวข้อถัดไปค่ะ)
——————————————–
3. Irregular Nouns (คำนามที่เปลี่ยนรูป)
Irregular Nouns เป็นคำนามที่ไม่ได้เติม -s หรือ -es ตามปกติ แต่เปลี่ยนรูปในพหูพจน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจำ แต่ถ้าฝึกใช้บ่อยๆ ก็จะคล่องเองค่ะ
ตัวอย่าง Irregular Nouns ที่พบบ่อย:
- Man – Men ผู้ชาย
- Woman – Women ผู้หญิง
- Child – Children เด็ก
- Foot – Feet เท้า
- Tooth – Teeth ฟัน
- Mouse – Mice หนู
- Goose – Geese ห่าน
- Person – People คน
- Fish – Fish ปลา (ใช้ได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์)
- Sheep – Sheep แกะ (ใช้ได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์)
เคล็ดลับ:
ฝึกจดจำ Irregular Nouns ผ่านการใช้ในประโยค เช่น:
- The child is playing. → The children are playing.
- I saw a mouse. → I saw two mice.
——————————————–
4. ข้อควรระวังในการใช้ Singular และ Plural Nouns
1. คำที่ไม่เปลี่ยนรูปในพหูพจน์
มีคำนามบางคำที่รูปเอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน เช่น:
- Deer → Deer
- Series → Series
2. การใช้คำนำหน้า (Articles)
- Singular: ใช้ a/an เช่น a cat, an egg
- Plural: ไม่ต้องใช้ a/an แต่สามารถใช้ some หรือ any ได้ เช่น some apples, any dogs
3. Uncountable Nouns (คำนามนับไม่ได้)
คำนามบางคำ เช่น water, rice, information ไม่มีรูปพหูพจน์ เพราะนับไม่ได้ แต่เราสามารถใช้คำบอกปริมาณแทน เช่น a glass of water, two bags of rice
——————————————–
5. ตัวอย่างการใช้ Singular และ Plural Nouns ในประโยค
Singular Nouns:
- I have a book on the table.
- There is a man standing outside.
Plural Nouns:
- I have three books on the table.
- There are men standing outside.
——————————————–
สรุป
Singular Nouns และ Plural Nouns เป็นพื้นฐานสำคัญที่เราต้องเข้าใจและใช้ให้ถูกต้อง คำนามส่วนใหญ่เพียงเติม -s หรือ -es ก็กลายเป็นพหูพจน์ได้ แต่บางคำ เช่น Irregular Nouns ต้องใช้ความจำช่วย อย่าลืมฝึกใช้ในประโยคจริงๆ จะช่วยให้เราคล่องขึ้นค่ะ 😊