Parts of Speech คืออะไร มีอะไรบ้าง? สรุปพร้อมตัวอย่างประโยคเข้าใจง่าย

Parts of Speech คืออะไร มีอะไรบ้าง? สรุปมาให้แล้ว พร้อมตัวอย่างประโยคแบบเข้าใจง่ายในโพสต์เดียว!

เคยสงสัยไหมว่าทำไมภาษาอังกฤษถึงต้องมีการจัดหมวดหมู่คำต่างๆ? คำตอบง่ายๆ คือเพื่อให้เราเข้าใจว่าคำไหนมีหน้าที่อะไรในประโยค เหมือนเวลาเล่นตัวต่อ ถ้าต่อให้ถูกชิ้น ทุกอย่างก็จะลงตัว! วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Parts of Speech ทั้ง 8 ประเภทกันแบบสนุกๆ พร้อมตัวอย่างที่เข้าใจง่าย

1. Noun (คำนาม)

คำนามคือคำที่ใช้เรียก คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ หรือแนวคิด คำนามเหมือนฮีโร่ในประโยค เพราะขาดไปแล้วจะไม่รู้ว่าพูดถึงอะไร

  • ตัวอย่างคำ: cat (แมว), school (โรงเรียน), happiness (ความสุข)
  • ตัวอย่างประโยค:
    – The dog is barking. (หมากำลังเห่า)
    – We went to the beach yesterday. (เราไปชายหาดเมื่อวานนี้)

2. Pronoun (คำสรรพนาม)

คำสรรพนามช่วยแทนคำนาม ไม่ต้องพูดซ้ำให้ยาวเกินไป เหมือนตัวช่วยประหยัดคำพูด

  • ตัวอย่างคำ: I, he, she, it, they
  • ตัวอย่างประโยค:
    – Anna loves reading. She reads every day. (แอนนาชอบอ่านหนังสือ เธออ่านทุกวัน)
    – This is my book. It is new. (นี่คือหนังสือของฉัน มันใหม่)

3. Verb (คำกริยา)

คำกริยาคือคำที่บอก การกระทำ หรือ สถานะ เรียกง่ายๆ ว่าคำที่ทำให้เรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในประโยค

  • ตัวอย่างคำ: run (วิ่ง), eat (กิน), is (เป็น/อยู่/คือ)
  • ตัวอย่างประโยค:
    – He plays football every weekend. (เขาเล่นฟุตบอลทุกสุดสัปดาห์)
    – I am happy today. (วันนี้ฉันมีความสุข)

4. Adjective (คำคุณศัพท์)

คำคุณศัพท์ทำหน้าที่บอกลักษณะของคำนามหรือสรรพนาม ให้เรารู้ว่าของนั้นเป็นยังไง

  • ตัวอย่างคำ: big (ใหญ่), beautiful (สวย), smart (ฉลาด)
  • ตัวอย่างประโยค:
    She has a beautiful garden. (เธอมีสวนที่สวยงาม)
    He is a smart boy. (เขาเป็นเด็กฉลาด)

5. Adverb (คำกริยาวิเศษณ์)

คำกริยาวิเศษณ์บอกว่า ทำอย่างไร ที่ไหน หรือเมื่อไหร่ ช่วยขยายความกริยาให้ชัดเจนขึ้น

  • ตัวอย่างคำ: quickly (อย่างรวดเร็ว), yesterday (เมื่อวานนี้), here (ที่นี่)
  • ตัวอย่างประโยค:
    – She runs quickly to catch the bus. (เธอวิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อขึ้นรถบัส)
    – They arrived yesterday. (พวกเขามาถึงเมื่อวานนี้)

6. Preposition (คำบุพบท)

คำบุพบทบอก ความสัมพันธ์ระหว่างคำ เช่น ตำแหน่งหรือเวลา

  • ตัวอย่างคำ: in (ใน), on (บน), at (ที่)
  • ตัวอย่างประโยค:
    – The keys are on the table. (กุญแจอยู่บนโต๊ะ)
    – We will meet at the park. (เราจะพบกันที่สวนสาธารณะ)

7. Conjunction (คำสันธาน)

คำสันธานใช้เชื่อมคำหรือประโยคเข้าด้วยกัน เหมือนกาวที่ช่วยให้ประโยคต่อกันได้

  • ตัวอย่างคำ: and (และ), but (แต่), because (เพราะว่า)
  • ตัวอย่างประโยค:
    – I like apples and oranges. (ฉันชอบแอปเปิลและส้ม)
    – He was tired, but he kept working. (เขาเหนื่อยแต่ก็ยังทำงานต่อ)

8. Interjection (คำอุทาน)

คำอุทานแสดงความรู้สึกหรืออารมณ์ มักจะใช้เมื่อเราตกใจหรือรู้สึกบางอย่าง

  • ตัวอย่างคำ: Wow!, Oh!, Oops!
  • ตัวอย่างประโยค:
    – Wow! That’s amazing! (ว้าว! นั่นน่าทึ่งมาก)
    – Oops! I dropped the glass. (โอ๊ะ! ฉันทำน้ำแก้วตก)

สรุปแบบชิลๆ

Parts of Speech ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด ถ้าลองมองประโยคหนึ่งๆ เหมือนตัวต่อที่แต่ละคำมีหน้าที่ของมัน เมื่อเข้าใจโครงสร้างเหล่านี้แล้ว การพูด อ่าน หรือเขียนภาษาอังกฤษจะกลายเป็นเรื่องง่าย ลองหยิบประโยคใกล้ตัวมาดูสิ แล้วคุณจะพบว่าการเรียนภาษาอังกฤษสนุกกว่าที่คิด! 😊